รายงานโดย :ชาติชาย พยุหนาวิชัย: วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553
ท่านผู้อ่านที่ติดตามผลงานของ สินเชื่อบ้านกสิกรไทยในช่วง 5-7 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า สินเชื่อบ้านกสิกรไทยมี Product Innovation และ Marketing Innovation ออกมาอย่างต่อเนื่อง
เริ่มตั้งแต่การจัดตั้งศูนย์ K Home Smiles Club เพื่อให้บริการก่อนและหลังการขายแบบครบวงจรแก่ลูกค้าสินเชื่อบ้านกสิกรไทย ที่มีช่องทางการให้บริการที่หลากหลาย อาทิ Call Center เว็บไซต์ www.khomesmilesclub.com และศูนย์ K Home Smiles Club ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 9 อาคารสำนักสีลม ธนาคารกสิกรไทย
หากถามว่า K Home Smiles Club สามารถให้บริการอะไรแก่ท่านได้บ้าง ผมต้องขออนุญาตเรียนว่า เรามีบริการมากมายที่สถาบันการเงินอื่นไม่มี ไม่ว่าจะเป็น บริการผู้จัดการส่วนตัวเรื่องบ้าน (น้ำไม่ไหล ไฟดับ ก็โทร.มาหาเรา) บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (ไม่ว่ารถเสีย น้ำมันหมด แบตเตอรี่หมด ยางแตก หรือแม้แต่หลงทาง อยากสอบถามเส้นทาง ก็โทร.มาหาเรา) บริการเลขาส่วนตัว (ไม่ว่าจะจองโรงแรม สนามกอล์ฟ ร้านอาหาร หรือสั่งดอกไม้) ว่าไปแล้ว ไม่ว่าท่านจะทำอะไร หรือคิดอะไรไม่ออก เพียงท่านโทร.มาหาเรา K Home Smiles Club ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของท่านได้
นี่ก็เป็นการตลาดยุคใหม่ที่กสิกรไทยพยายามสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งธุรกิจทั่วไปเช่นกัน ก็ต้องพยายามสร้างความแตกต่าง ผมขออนุญาตหยิบยกเรื่องมุมมองทางการ ตลาดและเครื่องมือใหม่ๆ มาเล่าให้ท่านฟัง เพราะเชื่อว่าในยุคปัจจุบันนี้ หากท่านเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ ท่านคงหนีไม่พ้นที่จะต้องหาเครื่องมือทางการตลาดเพื่อนำมาส่งเสริมการขาย ทำให้สามารถชักจูงและโน้มน้าวให้ลูกค้ากลุ่ม เป้าหมายหันมาพิจารณาสินค้าและบริการของท่านมากขึ้น
ในโลกการตลาดยุคเก่า คนที่เรียนด้านการตลาดมา รู้แค่ 4P’s ก็หากินได้แล้วครับ คือ Product (ผลิตภัณฑ์) Price (ราคา) Place (ช่องทางการขาย) และ Promotion แต่ในวันนี้เครื่องมือทางการตลาด ได้วิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยียุคใหม่
โดยเฉพาะในโลกของดิจิตอล ซึ่งเป็นวิวัฒนาการที่จะเป็นตลาดใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้ ทำให้นักการตลาดจะต้องเริ่มเข้าไปเปิดตลาดและให้ความสำคัญตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้ทันหรือก่อนคู่แข่งขันของเรา จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เปรียบทางการตลาด ไม่ว่าเราจะอยู่ในธุรกิจใด อุตสาหกรรมใด แม้แต่ในวงการการเงินก็ไม่สามารถปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงพ้น วันนี้เครือ ธนาคารกสิกรไทยก็เริ่มรุกขึ้นมา และพยายามที่จะเข้าไปทำการตลาดในโลกดิจิตอลมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้เป็นผู้นำของตลาดในอนาคตอันใกล้นี้
ท่านทราบหรือไม่ว่า ในประเทศจีนปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ถึง 298 ล้านคน ซึ่งนับเป็น 22% ของประชากรในประเทศจีนที่มีกว่า 1,300 ล้านคน จึงมีโอกาสที่จะขยายตัวและพัฒนาตลาดได้มากขึ้นอีก และในขณะนี้ตลาดคนใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยก็มีผู้ใช้ถึง 13.5 ล้านคน คิดเป็น 21% ของประชากรไทยเช่นกัน ดังนั้นการจะเข้าถึงตลาดใหญ่ 1 ใน 5 ของประเทศคงหนีไม่พ้นที่จะมุ่งเข้าไปทำตลาดดิจิตอล หรือ “Digital Marketing” นั่นเอง
สื่อโฆษณาการตลาดในโลกดิจิตอล จะเป็นช่องทางที่สะดวกและสามารถทำให้เจ้าของผลิตภัณฑ์รู้ถึงปริมาณและ คุณสมบัติของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อทำการตลาดให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายผ่านทางบล็อกเว็บประเภท โซเชียล เน็ตเวิร์กกิง (Social Networking) ซึ่งถือเป็นช่องทางที่น่าสนใจ อาทิ Facebook Twitter และ BB ที่กำลังกลายเป็นช่องทางในการโปรโมตสินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ได้อย่างน่าสนใจ
ในมุมการตลาดที่เป็นดิจิตอล ก็ต้องใช้สื่อกลางผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีศักยภาพทำการตลาดได้ถึง 4 ด้าน ซึ่งจะเรียกว่า 4P’s ก็ได้ แต่ไม่ใช่ 4P’s ที่เป็นส่วนผสมทางการตลาดที่ผมเกริ่นไว้ตอนต้น 4P’s ในด้านนี้ประกอบด้วย 1) Permission คือ ลูกค้าสามารถที่จะพิจารณารับหรือไม่รับในการส่งข้อมูลทางการตลาด หรือรับให้มีความถี่มากน้อยแค่ไหนได้ 2) Participation คือ การมีส่วนร่วมของผู้ใช้ Social Networking ต่างๆ สามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็น สามารถ Upload ข้อมูลต่างๆ ไปใช้ได้ อย่างเช่นผู้ใช้ Facebook จำนวนกว่า 250 ล้านคน เป็นกลุ่มคนที่มีอายุ 30-40 ปี มีความน่าเชื่อถือ ก็เป็นโอกาสที่จะเข้ามาสื่อสารกับชุมชนกลุ่มนี้ 3) Particulars เราสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า เป้าหมาย เพื่อใช้ในการช่วยในการตัดสินใจรายละเอียดในการทำการตลาดในลูกค้ากลุ่มนี้ ตัวสุดท้าย คือ 4) Personalization ทำให้เราทราบว่าเขาชอบอะไร พูดคุยอะไรกัน สนใจเรื่องใด ทำให้เราทำการตลาดได้ตรงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น สำหรับกลยุทธ์ดิจิตอลมาร์เก็ตติงที่ นักการตลาดควรที่จะหยิบมาทำในปีนี้ คือ การพยายามทำ Social Media ให้เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภค ซึ่งเป็นสื่อที่ได้ผลเร็วและมีการสื่อสารตามแบบปากต่อปากสู่กลุ่มเป้าหมาย ได้อย่างดี และสิ่งที่ดีที่สุดคือ ลูกค้าของเราเป็นผู้พูดต่อจะได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้ามากกว่าเราพูดเอง จะทำอย่างไร เราคงต้องสร้างประสบการณ์ร่วมกับผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจสินค้าบริการของเรา และเราต้องทำให้ผู้บริโภคไว้วางใจเรา เป็นส่วนหนึ่งของสังคมออนไลน์ของเขา เมื่อเราเข้าไปทำแคมเปญใด เราก็ควรจะทำการวัดความสำเร็จของแคมเปญของเราด้วย จะทำให้เราสามารถวางกลยุทธ์ได้ถูกต้องตามความต้องการของลูกค้า
ในยุคนี้ต้องเรียนว่า เป็นยุคที่ท้าทายมาก มีผู้คนทั่วโลกใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 1,600 ล้านคน และคนมีมือถือประมาณ 3,300 ล้านคน โอกาสในการทำการตลาดดิจิตอลจึงเปิดกว้างมาก ไม่มีขีดจำกัด ดังนั้น Mobile Marketing ด้วยระบบเทคโนโลยี 3จี และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ก็จะเป็นอีกสื่อที่จะมีการแข่งขันอย่างรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ใครตามไม่ทันหรือเข้ามาทำตลาดช้า คงต้องตกขอบไปเลย ล้าหลังตามคู่แข่งไม่ทัน และสื่อสุดท้ายที่ผมจะขอแนะนำ ก็คือ E-Mail Marketing เป็นอีกช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่ทรงพลัง เสิร์ฟข้อมูลด่วน ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด เพียงเรามีฐานข้อมูลของลูกค้าที่เพียงพอเท่านั้น เราก็สามารถสื่อสารการตลาดกับลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งคิดว่าขณะนี้ทุกองค์กรคงใช้สื่อนี้กันอยู่ แต่ก็ขอฝากสุดท้าย อย่าทำให้ผู้บริโภครู้สึกรำคาญกับสื่อที่เป็นขยะที่เข้าไปหาเขา โดยที่เขาไม่อยากได้ ก็จะทำให้เสียภาพลักษณ์ของท่านได้เช่นกัน...
ที่มา : โพสต์ทูเดย์