จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การตลาดในยุคดิจิตอล

รายงานโดย :ชาติชาย พยุหนาวิชัย: วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553
ท่านผู้อ่านที่ติดตามผลงานของ สินเชื่อบ้านกสิกรไทยในช่วง 5-7 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า สินเชื่อบ้านกสิกรไทยมี Product Innovation และ Marketing Innovation ออกมาอย่างต่อเนื่อง


     เริ่มตั้งแต่การจัดตั้งศูนย์ K Home Smiles Club  เพื่อให้บริการก่อนและหลังการขายแบบครบวงจรแก่ลูกค้าสินเชื่อบ้านกสิกรไทย ที่มีช่องทางการให้บริการที่หลากหลาย อาทิ Call Center เว็บไซต์ www.khomesmilesclub.com และศูนย์ K Home Smiles Club ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 9 อาคารสำนักสีลม ธนาคารกสิกรไทย


     หากถามว่า K Home Smiles Club สามารถให้บริการอะไรแก่ท่านได้บ้าง ผมต้องขออนุญาตเรียนว่า เรามีบริการมากมายที่สถาบันการเงินอื่นไม่มี ไม่ว่าจะเป็น บริการผู้จัดการส่วนตัวเรื่องบ้าน (น้ำไม่ไหล ไฟดับ ก็โทร.มาหาเรา) บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (ไม่ว่ารถเสีย น้ำมันหมด แบตเตอรี่หมด ยางแตก หรือแม้แต่หลงทาง อยากสอบถามเส้นทาง ก็โทร.มาหาเรา) บริการเลขาส่วนตัว (ไม่ว่าจะจองโรงแรม สนามกอล์ฟ ร้านอาหาร หรือสั่งดอกไม้) ว่าไปแล้ว ไม่ว่าท่านจะทำอะไร หรือคิดอะไรไม่ออก เพียงท่านโทร.มาหาเรา K Home Smiles Club ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของท่านได้
นี่ก็เป็นการตลาดยุคใหม่ที่กสิกรไทยพยายามสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งธุรกิจทั่วไปเช่นกัน ก็ต้องพยายามสร้างความแตกต่าง  ผมขออนุญาตหยิบยกเรื่องมุมมองทางการ ตลาดและเครื่องมือใหม่ๆ มาเล่าให้ท่านฟัง เพราะเชื่อว่าในยุคปัจจุบันนี้ หากท่านเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ ท่านคงหนีไม่พ้นที่จะต้องหาเครื่องมือทางการตลาดเพื่อนำมาส่งเสริมการขาย ทำให้สามารถชักจูงและโน้มน้าวให้ลูกค้ากลุ่ม เป้าหมายหันมาพิจารณาสินค้าและบริการของท่านมากขึ้น
ในโลกการตลาดยุคเก่า คนที่เรียนด้านการตลาดมา รู้แค่ 4P’s ก็หากินได้แล้วครับ คือ Product (ผลิตภัณฑ์) Price (ราคา) Place (ช่องทางการขาย) และ Promotion แต่ในวันนี้เครื่องมือทางการตลาด ได้วิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยียุคใหม่
โดยเฉพาะในโลกของดิจิตอล ซึ่งเป็นวิวัฒนาการที่จะเป็นตลาดใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้ ทำให้นักการตลาดจะต้องเริ่มเข้าไปเปิดตลาดและให้ความสำคัญตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้ทันหรือก่อนคู่แข่งขันของเรา จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เปรียบทางการตลาด ไม่ว่าเราจะอยู่ในธุรกิจใด อุตสาหกรรมใด แม้แต่ในวงการการเงินก็ไม่สามารถปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงพ้น วันนี้เครือ ธนาคารกสิกรไทยก็เริ่มรุกขึ้นมา และพยายามที่จะเข้าไปทำการตลาดในโลกดิจิตอลมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้เป็นผู้นำของตลาดในอนาคตอันใกล้นี้
ท่านทราบหรือไม่ว่า ในประเทศจีนปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ถึง 298 ล้านคน ซึ่งนับเป็น 22% ของประชากรในประเทศจีนที่มีกว่า 1,300 ล้านคน จึงมีโอกาสที่จะขยายตัวและพัฒนาตลาดได้มากขึ้นอีก และในขณะนี้ตลาดคนใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยก็มีผู้ใช้ถึง 13.5 ล้านคน คิดเป็น 21% ของประชากรไทยเช่นกัน ดังนั้นการจะเข้าถึงตลาดใหญ่ 1 ใน 5 ของประเทศคงหนีไม่พ้นที่จะมุ่งเข้าไปทำตลาดดิจิตอล หรือ “Digital Marketing” นั่นเอง
สื่อโฆษณาการตลาดในโลกดิจิตอล จะเป็นช่องทางที่สะดวกและสามารถทำให้เจ้าของผลิตภัณฑ์รู้ถึงปริมาณและ คุณสมบัติของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อทำการตลาดให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายผ่านทางบล็อกเว็บประเภท โซเชียล เน็ตเวิร์กกิง (Social Networking) ซึ่งถือเป็นช่องทางที่น่าสนใจ อาทิ Facebook Twitter และ BB ที่กำลังกลายเป็นช่องทางในการโปรโมตสินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ได้อย่างน่าสนใจ 


ในมุมการตลาดที่เป็นดิจิตอล ก็ต้องใช้สื่อกลางผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีศักยภาพทำการตลาดได้ถึง 4 ด้าน ซึ่งจะเรียกว่า 4P’s ก็ได้ แต่ไม่ใช่ 4P’s ที่เป็นส่วนผสมทางการตลาดที่ผมเกริ่นไว้ตอนต้น 4P’s ในด้านนี้ประกอบด้วย 1) Permission คือ ลูกค้าสามารถที่จะพิจารณารับหรือไม่รับในการส่งข้อมูลทางการตลาด หรือรับให้มีความถี่มากน้อยแค่ไหนได้ 2) Participation คือ การมีส่วนร่วมของผู้ใช้ Social Networking ต่างๆ สามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็น สามารถ Upload ข้อมูลต่างๆ ไปใช้ได้ อย่างเช่นผู้ใช้ Facebook จำนวนกว่า 250 ล้านคน เป็นกลุ่มคนที่มีอายุ 30-40 ปี มีความน่าเชื่อถือ ก็เป็นโอกาสที่จะเข้ามาสื่อสารกับชุมชนกลุ่มนี้ 3) Particulars เราสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า เป้าหมาย เพื่อใช้ในการช่วยในการตัดสินใจรายละเอียดในการทำการตลาดในลูกค้ากลุ่มนี้ ตัวสุดท้าย คือ 4) Personalization ทำให้เราทราบว่าเขาชอบอะไร พูดคุยอะไรกัน สนใจเรื่องใด ทำให้เราทำการตลาดได้ตรงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น สำหรับกลยุทธ์ดิจิตอลมาร์เก็ตติงที่ นักการตลาดควรที่จะหยิบมาทำในปีนี้ คือ การพยายามทำ Social Media ให้เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภค ซึ่งเป็นสื่อที่ได้ผลเร็วและมีการสื่อสารตามแบบปากต่อปากสู่กลุ่มเป้าหมาย ได้อย่างดี และสิ่งที่ดีที่สุดคือ ลูกค้าของเราเป็นผู้พูดต่อจะได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้ามากกว่าเราพูดเอง จะทำอย่างไร เราคงต้องสร้างประสบการณ์ร่วมกับผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจสินค้าบริการของเรา และเราต้องทำให้ผู้บริโภคไว้วางใจเรา เป็นส่วนหนึ่งของสังคมออนไลน์ของเขา เมื่อเราเข้าไปทำแคมเปญใด เราก็ควรจะทำการวัดความสำเร็จของแคมเปญของเราด้วย จะทำให้เราสามารถวางกลยุทธ์ได้ถูกต้องตามความต้องการของลูกค้า




     ในยุคนี้ต้องเรียนว่า เป็นยุคที่ท้าทายมาก มีผู้คนทั่วโลกใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 1,600 ล้านคน และคนมีมือถือประมาณ 3,300 ล้านคน โอกาสในการทำการตลาดดิจิตอลจึงเปิดกว้างมาก ไม่มีขีดจำกัด ดังนั้น Mobile Marketing ด้วยระบบเทคโนโลยี 3จี และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ก็จะเป็นอีกสื่อที่จะมีการแข่งขันอย่างรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ใครตามไม่ทันหรือเข้ามาทำตลาดช้า คงต้องตกขอบไปเลย ล้าหลังตามคู่แข่งไม่ทัน และสื่อสุดท้ายที่ผมจะขอแนะนำ ก็คือ E-Mail Marketing เป็นอีกช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่ทรงพลัง เสิร์ฟข้อมูลด่วน ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด เพียงเรามีฐานข้อมูลของลูกค้าที่เพียงพอเท่านั้น เราก็สามารถสื่อสารการตลาดกับลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งคิดว่าขณะนี้ทุกองค์กรคงใช้สื่อนี้กันอยู่ แต่ก็ขอฝากสุดท้าย อย่าทำให้ผู้บริโภครู้สึกรำคาญกับสื่อที่เป็นขยะที่เข้าไปหาเขา โดยที่เขาไม่อยากได้ ก็จะทำให้เสียภาพลักษณ์ของท่านได้เช่นกัน...


ที่มา : โพสต์ทูเดย์

“การตลาดยั่งยืน"สูตรเปลี่ยนโลกยุค Marketing 3.0

'Sustainable Marketing'การตลาดสร้างสรรค์สายพันธุ์ใหม่ยุค Marketing 3.0 สร้างสมดุลให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เคียงคู่สังคม และสิ่งแวดล้อม 



“sustainable marketing การตลาดยั่งยืน คือ การทำการตลาดเพื่อหวังผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด (Stakeholder) ไม่ว่าจะเป็นตัวองค์กร พนักงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ที่ต้องเติบโตไปพร้อมกัน”
นี่คือความหมายของคำว่า sustainable marketing ในมุมมองของ “ดร.กฤตินี ณัฏฐวุฒิสิทธิ์” นักวิชาการด้านการตลาด สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในกูรูการตลาดยั่งยืน ที่ร่วมสัมมนาในเวที "Sustainable Marketing: Marketing 3.0" ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
นักการตลาดท่านนี้เชื่อว่า “งานการตลาดที่แท้จริง ไม่ใช่การไปสร้างความต้องการหรือดีมานด์ ลวงๆให้กับผู้บริโภค แต่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง จึงจะนำไปสู่ความยั่งยืนได้”
การรวมตัวของเหล่ากูรูตัวจริง เพื่อบอกเล่าถึงกลยุทธ์พิชิตการตลาดยุคใหม่แบบสร้างสรรค์ ทำให้เราตระหนักว่า ประเทศไทยไม่ได้ “แล้ง” กิจการน้ำดีอย่างที่ใครคิด หากต้นแบบยังมีให้เห็นตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ไปจนถึงผู้ประกอบการพันธุ์เล็ก
เช่นเดียวกับ ผลิตผลน้ำดีใต้ร่มของ “เอสซีจี” ผู้นำแนวคิดการตลาดยุคใหม่ “Human Value Marketing” อย่างเอสซีจี เปเปอร์ คนต้นคิด “กระดาษรักษ์โลก” ที่นำเอาแนวคิดการตลาดยั่งยืน มาเปลี่ยนความต้องการพื้นๆ อย่างความคาดหวังของคนถ่ายเอกสารว่ากระดาษต้อง"ไม่ติดเครื่อง ขาวและเรียบเนียน" มาพ่วงกับสำนึกรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม กลายเป็นที่มาของนวัตกรรมกระดาษที่ลดการใช้ไม้ลงได้ถึง 30%
“พุทธพร แสงรัตนเดช” ผู้อำนวยการสำนักงานการตลาด เอสซีจี เปเปอร์ ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ที่ต้องผ่านน้ำอดน้ำทนของทีมงาน ในการค้นหาคำตอบของ “คุณค่าใหม่” ที่ไม่ได้มาจากการวิจัย หากแต่ได้มาจากการเกาะติดพฤติกรรมของผู้บริโภค ไม่ต่างจากการ “จีบสาว”
“ลูกค้าไม่ต้องการกระดาษรีไซเคิล ไม่ต้องการกระดาษที่รักษาสิ่งแวดล้อม เพราะไม่สะอาด มีกลิ่น และใช้งานไม่ได้ เขารักษ์โลกนะ แต่ก็รักตัวเองด้วย เพราะไม่เช่นนั้นก็ส่งงานเจ้านายไม่ได้ เลยบอกไปว่า ถ้าเป็นกระดาษที่รักษาสิ่งแวดล้อมด้วยและดูเหมือนใหม่ด้วยล่ะ เขาอึ้งและบอกว่าถ้ามีก็จะใช้ แต่เขาเชื่อว่า..มันไม่มี”
นั่นคือความท้าทายที่สำคัญของพวกเขา ในการนำคอนเซ็ปต์ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน มาพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณค่าใหม่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค กลายเป็นที่มาของกระดาษรักษ์โลก ที่ตอบโจทย์ทั้งโลกและความต้องการของลูกค้า ทำให้ธุรกิจเติบโตยั่งยืน
การนำคุณค่า ภูมิปัญญา ของชุมชนมาปัดฝุ่น ผ่านความร่วมมือ และความเข้าใจจากคนในพื้นที่ ยังทำให้ “ตลาดน้ำอัมพวา” กลายเป็นตัวอย่างการตลาดชุมชนท่องเที่ยวยั่งยืน ผลงานพ่อเมือง “ร้อยโท พัชโรดม อุนสุวรรณ” นายกเทศมนตรีตำบลอัมพวา
โดยการกำหนดยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนตัวเอง ด้วยแนวคิดรักษาสมดุลของ “เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม” ไว้ได้อย่างน่าสนใจ อาทิ การเปิดตลาดน้ำเดือนละ 12 วัน เพื่อลดแรงดึงดูดของ"กลุ่มทุน"ที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่
แม่ค้าหาบเร่แผงลอยที่จะขายของบนผิวจราจรได้นั้นจะต้องได้รับใบอนุญาต และจะต้องเป็นคนในพื้นที่เท่านั้น ยกเว้นลูกหลานคนอัมพวาที่กลับมาสวมบทพ่อค้า เพราะเด็กกลุ่มนี้จะนำนวัตกรรม และความรู้ใหม่ๆ ไปเชื่อมประสบการณ์ของคนพื้นที่ต่อยอดจนกลายเป็น "อัตลักษณ์" ขึ้นมาได้
“วันนี้เราจะพูดคำว่าอนุรักษ์และพัฒนา แต่อยากให้มองอัมพวาเป็นสีเทา คือไม่ใช่อนุรักษ์จนเกาะเสาเรือนตาย แต่ก็ไม่ใช่พัฒนาจนมันไม่มีรากเหง้าของตัวเอง เพราะฉะนั้นต้องไปทั้งสองด้าน ต้องตอบโจทย์สังคม และถ้าตอบโจทย์ได้ ผมเชื่อว่าอัมพวาจะอยู่รอด”
นายกเทศมนตรีตำบลอัมพวา ยังมองว่า “ความยั่งยืนไม่ใช่การอยู่กับที่ แต่ต้องเคลื่อนไหวไปข้างหน้า เพราะคุณค่าในแต่ละช่วงเวลาย่อมเปลี่ยนไป” การจะทำให้เมืองยั่งยืนได้นั้น จำเป็นต้องหากระบวนการสร้าง “คุณค่าใหม่” ในแต่ละช่วงเวลา เขายกตัวอย่างการนำ “หมาก” ที่คนอัมพวาเคยกินในอดีต มาทำเป็น "ผ้าย้อมหมาก" และ "ลิปสติกสีหมาก" เพื่อให้ร่วมสมัยกับคนยุคนี้
ขณะที่ “ความซื่อสัตย์ รับผิดชอบ และพอเพียง” คือ สมการความยั่งยืน ของ “อุดมชัยฟาร์ม” ต้นตำรับแม่ไก่และไข่ไก่อารมณ์ดี ผลงานของ “ธนเดช แสงวัฒนกุล” พวกเขากล้าคิดนอกกรอบเพื่อความอยู่รอด นำมาสู่ธูรกิจที่ยั่งยืนในวันนี้
“ดร.กฤตินี ณัฏฐวุฒิสิทธิ์” ยังยกตัวอย่างการตลาดยั่งยืนในต่างประเทศว่า แคมเปญที่ประสบความสำเร็จก็อย่างผลิตภัณฑ์ความงามของโดฟ ที่ชื่อ “Real Beauty” (ความสวยที่แท้จริง) ต้องการปลุกกระแสให้ผู้หญิงทั้งโลกลุกมาสวยด้วยการมีความสุขกับตัวเอง ไม่ใช่ตามอย่างภาพนางแบบในโปสเตอร์ แคมเปญน้ำดีที่ทำให้ยอดขายสินค้าเพิ่มสูงขึ้นถึง 700%
ขณะที่ผู้บริหารเอสซีจีเปเปอร์บอกเราว่า ธุรกิจในเมืองไทยไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่หากต้องการทำการตลาดยั่งยืน “ต้องลงมือทำ ทำเอง ทำจริง ที่สำคัญต้องอินตั้งสติ อย่ายึดติดทฤษฎี อาจช้าบ้าง พลาดบ้าง แต่อย่าหยุด”
ส่วนเจ้าของอุดมชัยฟาร์ม บอกว่า “ความซื่อสัตย์” ยังเป็นทางรอดของทุกธุรกิจ "ของดี"ผู้บริโภคย่อมบอกต่อ ธุรกิจก็จะยั่งยืนต่อไปได้ ธุรกิจต้องเสมอต้นเสมอปลาย และสร้างทีมงานที่คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
ดร.กฤตินี รวบยอดวิธีคิดไว้ในตอนท้ายว่า สำหรับใครที่อยากไปต่อยอดแนวคิดนี้ “ต้องคิดให้ กว้าง ยาว และลึก” คิดให้กว้าง จากที่เคยมองผู้บริโภคเพียงกลุ่มเดียว ก็มองไปถึงชีวิตของเขา คนรอบข้างเขา ชุมชน และสังคมของเขาด้วย คิดให้ยาว ไม่ใช่มองทุกอย่างแค่วันนี้ แต่ต้องมองถึงวันข้างหน้าด้วย และ คิดให้ลึก อย่าปิดตัวเองกับมิติใดมิติหนึ่ง แต่หาโอกาสที่เหนือกว่าในสิ่งที่จะทำต่อไป นอกจากนี้ต้อง “ซื่อสัตย์” ซึ่งเป็นหัวใจที่จะผลักดันแนวคิดนี้ให้ประสบความสำเร็จ
การจะทำแนวคิดนี้ให้เกิดขึ้นได้ความยั่งยืนได้ ในฐานะนักการศึกษาคนหนึ่ง เธอบอกว่า ต้องหาทางพัฒนาให้เป็น “องค์ความรู้” แล้ว “สร้างคน” เพราะสองสิ่งนี้จะช่วยกันยกระดับสังคมให้ยั่งยืนต่อไป
"เราคงอยู่ได้กันอีกไม่นาน ดังนั้นต้องสร้างคนให้เขามารับช่วงองค์ความรู้เหล่านี้ เพื่อจะทำให้เกิดความยั่งยืนได้ในอนาคต”
อีกแนวคิดทันยุค ที่นักการตลาดและผู้ประกอบการ สร้างความยั่งยืนให้กับโลกได้

โดย : จีราวัฒน์ คงแก้ว

การตลาด กับ วงการเกม

     "ให้เรียนไปทำไม เรียนไปก็ไม่ได้ใช้ ?" ประโยคนี้เป็นอะไรได้ยินกันบ่อย ๆ หลาย ๆ คนถามผมว่า เรียนฟิสิกไป เรียนเคมี เรียนคณิตศาสตร์ เรียนโครงสร้างคอมพิวเตอร์ เรียนอื่น ๆ กันไปทำไม วิชากลยุทธ์การตลาดก็เหมือนกันครับ มันอยู่ตรงที่ว่าเราจะยังไง จะมองยังไงโดยเฉพาะมองแล้วมาใช้กับเรื่องใกล้ตัวด้วย และเรื่องใกล้ตัวของผมก็คือเรื่องเกมนั่นเอง

ปัจจุบันนะโลกใบนี้เต็มไปด้วยการแข่งขันและวิธีที่จะ ชนะการแข่งขันนั้นเราต้องมีกลยุทธ์ที่ดี ในวงการเกมก็เช่นเดียวกันครับ กลยุทธ์การตลาดเริ่มง่าย ๆ ที่ 4 P's Strategy ครับ แต่ในปัจจุบันมีทฤษฎีหลายหลากจาก 4 P's Strategy ก็กลายเป็น 7 P's Strategy บ้างก็ 8 P's Strategy แต่เอาเข้าใจง่าย ๆ ก็ 4 P's Strategy ละครับ

P's ตัวแรกคือ Product Strategy กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ สมุติว่าบริษัทเกมจะสร้างเกมเครื่องใหม่ออกมาตีตลาดผ ู้บริโภคเขาต้องนึกถึง Attribute คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ เครื่องเกมเครื่องนี้ทำอะไรได้บ้างหนอ ? แล้วมันตรงกับที่เหล่าเกมเมอร์อุสาห์รอกันไหม ? แต่ทุกวันนี้จะมองแค่ Attribute ก็น่าจะไม่พอแล้ว ต้องมองที่ Innovative Product คือนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ครับ คือ มีทั้ง Functional Attribution เครื่องเกมนี้ทำอะไรได้บ้าง ? Emotional Attribution ดูสีหน้าของผู้บริโภคตอนใช้แล้วว่าโมโหไหม ? และส่วนสำคัญอีกส่วนคือ Creative Ideas อะไรหนอที่มันทำให้ผู้บริโภคต้องอ้าปากค้างตอนที่เห็ นครั้งแรก ?


Click the image to open in full size.

อย่าง Nintendo เนี่ยละครับ Wii ออกแบบสีขาวดูสะอาดตา ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ทำอะไรได้หลากหลาย Wii Remote อันเดียวเป็นได้ทุกสิ่ง ทั้งจอย ปืน ไม้ปิงปอง ตะหลิวผัดกับข้าว ครบเลยครับ ผู้บริโภคไม่ต้องไปซื้ออะไรมาเพิ่มก็เล่นได้สบาย และเรื่องความคิดสร้างสรรค์นั่นก็ด้วย สรุปว่า Nintendo Wii ตอบโจทย์ในใจผู้บริโภคได้เกือบครบทุกข้อ (เหลือข้อเดียวคือ Graphic)

P's ตัวที่สองคือ Price Strategy กลยุทธ์ราคา สำคัญไม่แพ้ข้อแรกเลยครับ ถ้าแพงไปผู้บริโภคก็ขอเวลาตัดสินใจหน่อยนะอาจจะใช้เว ลาตัดสินใจนานจนลืมซื้อไปเลย แต่ถ้าเกิดตั้งราคาถูกไปมันก็เหมือนเป็นการดูถูกผลิต ภัณฑ์ของตนเองนะครับ วิธี On going price คือตั้งไปตามตลาด วิธีนี้ดูแล้วไม่น่าจะเหมาะกับวงการเกมสักเท่าไหร่เพ ราะมันไม่ใช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ต่อให้มี 20 บริษัทก็ทำออกมาไม่ต่างกันมากมายนึกทดแทนกันได้หมด แต่นี่คือเกมไม่สามารถเป็นสินค้าทดแทนกันได้ ส่วนวิธี Leading price ก็คืออยากตั้งราคาเท่าไหร่ก็ว่าไปตามที่ผู้บริหารจะช อบ ถ้าตั้งซะถูกเว้อก็จะได้เป็น Price Leadership คือผู้นำแห่งการขายถูก อย่างร้านขายเกมในสะพานเหล็กตรงสะพาน 3 ขายแผ่นเกม PS3 ได้ถูกและถูกอย่างสม่ำเสมอด้วยครับ (แต่ผมไม่บอกชื่อร้านนะ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของเขาอนุญาติไหม ?)

Click the image to open in full size.

ถ้าตั้งราคาสูง ๆ ก็จะเป็น Skimming Price คือราคายิ่งสูงยิ่งมีคุณค่ามาก มีเกมนึงเป็นตลับเครื่อง Neo-Geo AES เกม Chibi Maruko-chan Maruko Deluxe Quiz (อุ้ยยย พูดแล้วขนลุก) ราคาถึงหลักแสนได้เลยครับ ถามว่าสนุกมากขนาดต้องจ่ายเป็นแสนเลยเหรอ ผมเคยถามพี่คนนึงเขาบอกว่าไม่ใช่ว่าสนุกขนาดนั้นหรอก แต่มันเป็นของหายากมันจึงมีมูลค่ามหาศาลอย่างนี้นี่เ อง

และต่อมาเป็น Penetration Price คือการตั้งราคาแบบยอมเจ็บบ้างเพื่อรักษาผลประโยชน์ ขายถูกได้เพราะมีเยอะเหมือนร้านขายเกมคอมแท้หลาย ๆ เจ้าที่ขายงานกล่องเกมเก่า 59-99-199-250 บาทครับ

P's ตัวที่สามคือ Place Strategy กลยุทธ์การจัดจำหน่ายจะตั้งร้านตรง ไหนให้คนชื่อเยอะ ๆ ดี ? มีทั้ง Online, Offline และรวม (Click & Mortar) ก็มีครับถ้าพูดถึงร้านที่คนเขาไปเบียด ๆ กันเยอะ ๆ คงไม่พ้น iStudio ละครับ ทำเลดีจัดร้านดีชวนให้น่าเข้าไปเดินทีแรกไม่คิดจะซื้ อแต่ขอเข้าไปดูหน่อยแต่พอเดินออกมาก็บ่นอยากได้กันทุ กคนละครับ "พ่อ หนู๋อยากได้ iPad" "เอาไปทำอะไรลูก ?" "จะเล่น Angry Bird" ที่ผมว่า iStudio อยู่ในทำเลดีเพราะว่าไม่ได้อยู่ชั้นสูงเกินไป แล้วชั้นนั้นจะเป้นชั้นที่มีวัยรุ่น วัยทำงาน เดินผ่านมากที่สุด เรียกได้ว่าจัดทำเลได้สุดยอดจริง ๆ ครับ

Click the image to open in full size.

ขาย แบบ Offline พูดไปแล้ว ต่อมาเป็นขาย Online ครับคำว่าทำเลทองในโลก Online คงต้องเป็นเว็บที่มีคนเข้าจำนวนมาก จัดหน้าเว็บดูสะอาดตาและเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน สำหรับอันนี้ก็บอกไม่ได้ว่าเว็บขายของ Online Store เจ้าไหนดีกว่ากัน เพราะดูแล้วก็ว่าแต่ละเจ้าจัดหน้าเว็บได้ออกมาดูดีหม ดไม่ว่าจะเป็น PlayStationNetwork, eBay, Amazon, Apple Store (iTune) และอื่น ๆ ก็เช่นกันครับ

P's ตัวที่สี่คือ Promotion Strategy กลยุทธ์การส่งเสริมการขาย แต่ปัจจุบันนี้เขาเปลี่ยนเป็น IMC ย่อยมาจาก Integrated Marketing Communication ครับเพื่อให้ครอบคุมหัวข้อในส่วนนี้ แต่เดี๋ยวก่อนต้องพูดก่อนครับว่าเวลาเราไปเจอป้ายแดง 50% Discount เราจะพูดว่าเขามี Promotion พูดอาจไม่ผิดถ้าเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วมันมาจาก Sale Promotion ไม่ใช่ Promotion เฉย ๆ แต่ถ้าเข้าใจว่าชื่อมันคือ Promotion อย่างเดียวต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ครับ
IMC แยกออกมาอีกได้เป็น Advertising การโฆษณา, Personal Selling พนักงานขายของ, Sales Promotion วิธีส่งเสริมการขาย Publicity การประชาสัมพันธ์ และ Direct Marketing ขายตรง ๆ

Advertising การโฆษณาที่ดูดีเป็นการดูดเงินในกระเป๋าผู้บริโภคได้ ดี โฆษณาไหนที่ฉายออกทีวีพอได้ดูแล้วผู้บริโภครู้สึกว่า ไอ้ของชิ้นนี้มันเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตของเราน ั่นถือว่าประสบความสำเร็จในส่วนนี้แล้วละครับ อย่าโปสเตอร์โฆษณาเกมตู้ After Burner Climax แค่รูปเก้าอี้โยกได้ก็ชวนให้อยากเล่นแล้วละครับ ตาละ 30 บาทก็ยอม ยังไงสักครั้งนึงในชีวิตนี้ต้องเล่นให้ได้อย่างน้อยห นึ่งครั้ง

Click the image to open in full size.

Personal Selling พนักงานขายของที่แต่งกายในชุดของร้าน พูดดี และมีความรู้ ผมเชื่อเลยครับว่าหลาย ๆ คนเคยเดินไปที่ร้านเกมแล้วพยายามจะสื้อสารบอกคนขายว่ าจะเอาเกมนี้ที่มันมีลักษณะยังนี้พอพูดจบ คนขายบอกว่าไม่เข้าใจ ไม่รู้ หรือไม่ก็คุยโทรศัพท์ไม่สนใจลูกค้า มีครั้งนึงที่ผมจะซื้อแผ่นเกม PS3 เขาติดป้ายว่า 50-70% Discount ทั้งร้านพอผมเดินเขาไปหยิบแผ่น PS3 ห่อขาด ๆ ขึ้นมาถามพนักงานว่าอันนี้ก็ลดราคาใช่ไหมครับ เขาตอบผมว่า "ไม่ ไม่ลด" จนมีโอกาสได้ถามทางบริษัทเขาแล้วก็ได้ความว่ามันต้อง ลดราคาแต่กว่าจะรู้แผ่น PS3 แผ่นนั้นก็หายไปแล้วครับ เซ็ง
ร้านไหนที่พนักงานดีนะลูกค้าเยอะแน่นอน บางครั้งอาจต้องมีการฝึกอบรมพนักงานประจำปีบ้างเพื่อ รักษาคุณภาพในการให้บริการลูกค้า

Sale Promotion
ส่งเสรอมการขายด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น แถมหรือไม่ก็ 50% Discount ครับ บางครั้งเกมนี้เราไม่ได้ชอบเล่นนะแต่เห็นว่ามันถูกโค ตร ๆ ก็เลยซื้อไปเก็บ อย่างใน PlayStationNetwork ที่ชอบมีป้ายติดเรื่อย ๆ 30-50% บางเกมไม่รู้สนุกหรือเปล่าแต่เห็นว่าถูกก็เลยขอลองสั กหน่อย อ่อ แล้วก็พวก Bundle Pack ด้วยครับถ้าซื้อรวมจะได้ส่วนลด แต่ถ้าซื้อแยกไม่มีส่วนลด อย่างเช่นชุด Big 3 Gun Shooting ของเครื่อง PS3 ครับ ถ้าคิดแยกจะมี PS-Eye PS-Move ด้ามปืน แผ่นเกม รวม ๆ แล้วก็เกือบ 4,000 บาทได้ แต่ถ้าซื้อเป็นกล่องก็เกือบ 3,000 บาทครับ

Click the image to open in full size.

Publicity การประชาสัมพันธ์ การกระจายข่าวสาร ให้ข้อมูล และสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาผู้บริโภค เช่นการปล่อยข่าวเพื่อกระตุ่นการตื่นตัวของผู้บริโภค ก็เหมือนการระบุ Spec เกมคอมใหม่มาก่อนที่จะออกตัวเกมจริงก็ส่งผลให้เกมเมอ ร์ทั้งหลายเริ่มตื่นตัวรีบวิ่งกันไปซื้อการ์ดจอกับ CPU ใหม่พอสมควร

Direct Marketing
ขายตรงโดยทางจดหมาย, โทรศัพท์, E-mail, TV, แค็ตตาล็อก, หน้าเว็บ หรือวิทยุ ส่วนมากเราก็จะเห็นกันในหน้าเว็บบอร์ดต่าง ๆ ที่มีพื้นที่เช่าโฆษณา ในไทยส่วนใหญ่คงเป็นเกม Online นะครับ พอคนเข้ามาในเว็บเห็นโฆษณาก็มีบ้างละที่คล้อยตาม เอา ลองกดเข้าไปดูหน่อยแล้วกัน อยากรู้ว่าเกมนี้มันเป็นยังไง พอเข้าไปเจอ Trailer ก็เกิดอยากซื้อมาเล่นบ้าง เป็นแบบนี้ละครับ สำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้นสะดวกเลยครับตรงที่สามารถ นับจำนวนผู้เข้าชมได้ง่าย ๆ เขามีตัว Counter นิเนอะ แล้วก็นำข้อมูลไปประเมินผลต่อไป ... ดู ๆ ไปแล้ว Direct Marketing อาจไม่ค่อยต่างจาก Advertising สักเท่าไหร่ แต่ถ้าเราพยายามแยกมันออกจากกัน จะเห็นว่า มี Advertising ก่อนแล้วเอา Direct Marketing มา เพิ่มช่องทางการกระตุ้นผู้บริโภคได้อีกต่อนึง (แต่ในตำราบางเล่มก็ไม่มี) บางครั้งเรากำลังเล่นเกมอยู่ดี ๆ ดันมีป้ายโฆษณาอื่นอยู่ในเกมนั้นด้วย ก็ประมาณนี้ละครับ มีดโกนหนวด Gillette ใน Burnout Paradise

Click the image to open in full size.

มีเรื่องอีกเยอะแยะเลยครับ แต่วันนี้หมดแรง ช่วงกินเจอพลังงานไม่ค่อยมีครับ ... สำหรับวันนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่าน และสวัสดีครับผม



Credit :

เขียนโดย Hitzuja

ขอบคุณ ThaiGaming และ ThaiRetroGame สำหรับเอื้อเฝื้อสถามที่ครับ

ขอบคุณ มาหา อำนาจ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ

"MarKeTinG InDeeD - W Integration" - exteen blog (โดย marketingindeed)
http://marketingindeed.exteen.com/20...-marketing-mix

"การวางแผนกลยุทธ์การตลาดสมัยใหม่" (ไม่ทราบผู้เขียน)
http://www.iimc.co.th/knowledge/8p.html

"IMC Integrated Marketing Communication" (โดย เกษม พิพัฒน์เสรีธรรม)
http://advisor.anamai.moph.go.th/con...e/2548/IMC.ppt

รูปภาพ

http://www.online-station.net/news/game/15274
http://www.jap-sai.com/Games/Chibi_M...eluxe_Quiz.htm
http://www.straferight.com/forums/ac...up-cities.html
http://www.bandgamusement.com/Invent...duct?prodID=38
http://kotaku.com/5169866/even-in+ga...be-up-for-sale
http://clearstudio9.wordpress.com/tag/advertising-2/

โจทย์การตลาดวัยรุ่น นับวันยิ่งยาก

      ทุกวันนี้เมื่อวัยรุ่นได้กลายเป็นตลาดใหญ่และมีกำลังซื้อที่สูงโดยเฉพาะวัย รุ่นแถวสังคมเมือง การกลับมาให้ความสำคัญกับรู้แบบ และพฤติกรรมที่หมุนเวียนและเปลี่ยนบ่อย เป็นเงื่อนไขที่สำคัญ แต่อิมเมจและภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นล้อมรอบแบรนด์ที่ฉายภาพความเป็นเด็กก็ทำ ให้ไม่ว่าช่วงอายุไหนก็ใฝ่หา “ความเป็นเด็ก” ที่ยังเป็นประเด็นที่ “ขาย” อยู่ตลอดไป บริษัท Xtreme Information ในอังกฤษ ได้ทำวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มวัยรุ่นไว้เมื่อปี 2546 สรุปประเด็นที่น่าสนใจไว้เป็นอุทธาหรณ์ ดังนี้

- Teen spirit

กรณีสงครามอิรักนั้นกระทบใจวัยรุ่นเข้าเต็มๆ พวกเขารู้ว่าตัวเองมีสิทธิมีเสียงทางการเมือง แต่ก็รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง อย่างนี้แล้ว MTVจะยอมเปิดพื้นที่เวทีการเมืองให้กับคนรุ่นใหม่เหล่านี้ไหม?

- The Elusive target

นักช้อปวัยทีน รู้ตัวว่าเขาต้องการอะไร และเขาเองก็มีเงินพอจะจ่ายด้วย การตลาดแบบโฆษณาชวนเชื่อมักจะแฝงมากับอินเทอร์เน็ตและนิตยสารเพื่อล่อให้ลอง ซื้อ นักการตลาดควรจะมีความคิดสร้างสรรค์ไม่เหมือนใคร ซึ่งก็เห็นกันอยู่แล้วว่าบางแบรนด์ทำได้ดีกว่ารายอื่นจริงๆ

- Looking up

ทุกวันนี้คนที่มีอิทธิพลต่อเหล่าวัยรุ่นหญิงชายมากที่สุด ก็คือ เดวิด เบ็คแฮม แต่ผู้ใหญ่ก็ยังมัวแต่คอยกังวลว่าตัวละคร Bart Simpson จะมีอิทธิพลในทางลบต่อลูกเด็กเล็กแดง ถึงวันนี้ต้องยอมรับแล้วว่าต้นแบบของวัยรุ่นนั้นเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่าง สิ้นเชิง

- Looking down

เด็กสมัยนี้ทั้งน้ำหนักเกิน มีความเครียดกว่าปกติ และหดหู่กว่าที่คนรุ่นก่อนๆ เคยเป็นมา แต่พ่อแม่ก็ไม่เคยใส่ใจค้นหาสาเหตุ ทุกวันนี้เขาเลิกระบายออกทางหนังสือพิมพ์ โรงเรียน ไปสู่การชกต่อยแล้ว

- Tween beat

เด็กวัยทวีนที่คาบเกี่ยววัยเด็กและวัยรุ่น มีอยู่เป็นจำนวนมาก และกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญทางการตลาด จึงถูกปรนเปรอมากเกินจำเป็น ได้รับข้อมูลข่าวสารจนล้น นักโฆษณาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อชิงความสนใจจากพวกเขาให้ได้

- Digitopia

ทางเลือก การควบคุม และความสะดวก คือหัวใจสำคัญสำหรับประชากรวัยดิจิตอลกลุ่มนี้ในขณะที่ Absolut Nike GAP สามารถดึงวัยรุ่นอยู่หน้าจอเว็บไซต์ได้ ข้อความ SMS บนจอทีวีก็เป็นตัวตรึงความสนใจให้เกาะติดจอมากขึ้น สร้างผลกำไรที่สูงขึ้น

John Gordon ซีอีโอของ Xtreme Information ออกมากล่าวว่า “อำนาจซื้อของวัยรุ่นพุ่งทะลุเพดานไปแล้ว ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้วัยรุ่นมีบทบาททางสังคมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ด้วยเม็ดเงินปริมาณมหาศาลที่วนอยู่ในตลาดที่หมุนเวียนเปลี่ยนมือเร็วเช่นนี้ จึงทำให้แบรนด์ชั้นนำจับทางได้และไม่ยอมพลาดที่จะรีบฉวยโอกาสกระโดดเข้าร่วม วง”

ที่มา: http://www.xtremeinformation.com

การพัฒนาความรู้ด้านการตลาด


        ก็เช่นเดียวกันกับมนุษย์เรา วิชาการหรือเรื่องหลายเรื่องก็มีที่มาที่ไป และก็มีวิวัฒนาการของมันเช่นกัน ในเรื่องของการตลาดก็มีวิวัฒนาการของมัน คือเริ่มตั้งแต่ปี 2500 กว่าๆ เกือบปี 2510 การตลาดก็เริ่มถือกำเนิดขึ้นมาในระยะเวลาราวๆ นั้นครับ

ในยุคแรก การตลาดก็จะพูดถึงเรื่องของ 4P เป็นหลัก
·  P ตัวแรก ก็คือ Product หรือสินค้าและผลิตภัณฑ์และบริการ ต้องแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ ตอบสนองความต้องการในแง่มุมที่สำคัญต่อลูกค้าได้
·  P ตัวที่สองก็คือ Price คือราคาที่เหมาะสม ที่ลูกค้าจะซื้อหาสินค้าและบริการนั้นได้ ตรงกับความพึงพอใจ และคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับตอบสนอง
·  P ที่สามก็คือ Place ก็คือเรื่องที่ว่าควรจะกระจายสินค้าเพื่อให้ผู้ค้าสามารถเลือกซื้อ เลือกหา เลือกใช้บริการได้เหมาะสม รวดเร็ว สะดวกได้อย่างไร
·  P สุดท้ายตัวที่สี่ก็คือ Promotion ก็คือการส่งเสริมการขายทั้งหลาย เช่นการลดแลกแจกแถม การทำการส่งเสริมการขายจัดรายการร่วมกันระหว่างผู้ผลิตและ/หรือผู้ให้บริการสองรายขึ้นไป เป็นต้น นั่นก็คือ 4P ที่เรารู้จักกันเป็นพื้นฐานของการตลาดตั้งแต่ยุคเริ่มต้น

ในเวลาต่อมา เราก็ได้พูดถึงเรื่องของ 4C ซึ่งก็คือเรื่องที่เน้นทางด้านลูกค้าจำนวน 4 ประการด้วยกันก็คือ
·  Customer Value หรือคุณค่าที่จะเกิดกับลูกค้าในการซื้อสินค้า บริการ หรือของธุรกิจของเรา
·  Customer Cost คือสิ่งที่ลูกค้าจะต้องจ่ายจริงๆ เพื่อที่ให้ได้รับสินค้าและบริการนั้นกลับคืนมา ซึ่งเกี่ยวพันเกี่ยวข้องกับความพึงพอใจนะครับ
·  Customer Convenient หรือความสะดวกสบายของลูกค้า ที่จะเลือกซื้อเลือกหาสินค้า และบริการรวมกระทั่งถึงเมื่อได้ซื้อหาสินค้าและบริการนั้นแล้ว ในการใช้งานสินค้าและบริการนั้นลูกค้าจะต้องได้รับความสะดวกสบาย ไม่ลำบากลำบนมากนัก
·  Customer Communication ก็คือการที่ธุรกิจได้ทำการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะว่าเป็นการสร้าง trust หรือความน่าเชื่อถือระหว่างลูกค้ากับธุรกิจซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการขายเช่นกันนะครับ ซึ่งการขายก็เป็นส่วนหนึ่งของการตลาดที่ได้เคยคุยไว้ในบทความอื่นครับผม นั่นคือขั้นที่สองในการวิวัฒนาการของการตลาด

เมื่อเวลาผ่านไปก็มีคนคิดว่าจริงๆแล้ว 4P หรือ 4C นี่ถ้าทำอย่างสเปะสะปะ ก็คือไร้จุดหมาย มันก็ออกที่จะไม่เกิดประโยชน์ อย่างเช่น อยากไปเที่ยว หยิบแผนที่อันนึงมาดู แล้วก็วางแผนการไปพัทยา แต่จริงๆแล้วไม่ได้คิดเลยว่าอยากไปเที่ยวภูเขาต่างหาก ก็จะทำให้ผิดวัตถุประสงค์ไป เรื่องของการตลาดก็เช่นกัน หลังจากที่มีคนคิดเรื่อง 4P และ 4C แล้วนั้น ก็มีคนคิดย้อนกลับไปอีกว่าจริงๆ แล้วเราน่าจะมีการคิด Strategy ก็คือกลยุทธ์ให้มันถูกต้องเสียก่อนว่าจะพัฒนา 4P หรือ 4C นี้ไปทำไม จึงมีการพูดถึงเรื่องของ STP ขึ้นมาคือ
·  ตัวย่อ S คือ Segmentation ก็คือการแบ่งส่วนตลาด คือต้องวางแผนไว้ก่อนตั้งแต่แรกเลยว่าเมื่อเราต้องการจะสร้างสรรค์สินค้าและบริการใดขึ้นมา ลูกค้าของสิ่งนั้นๆ คือใครเสียก่อน เพราะว่าไม่มีสินค้าและบริการไหนหรอกที่จะเหมาะกับทุกๆ คน และถึงจะเหมาะจริงแต่ก็อาจจะไม่มีกำลังที่จะซื้อหาก็ได้ ถึงจะเหมาะจริงแต่ก็อาจจะตกอยู่ที่คนบางกลุ่ม ลูกค้าบางกลุ่มอาจจะไม่สนใจก็เป็นไปได้อีก นั่นคือเรื่องของการแบ่งส่วนของการตลาด ก็คือ Segmentation นั่นเอง
·  ตัวย่อ T คือ Targeting ก็คือเป้าหมายอยู่ตรงไหนในการที่จะทำสินค้าและบริการนั้นขึ้นมา
·  ตัวย่อ P คือ Positioning ก็คือการวางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ ภาพลักษณ์ของสินค้าละบริการไว้ในตลาด เพื่อที่จะให้ลูกค้ารู้สึกอย่างไร ว่าเป็นสินค้าระดับของที่ราคาถูก เป็นสินค้าระดับปานกลาง เป็นสินค้าระดับราคาสูงหรือระดับ premium คุณภาพดีสุดยอด เป็นต้น
เพราะฉะนั้นนั่นคือ Step ในขั้นตอนที่สามของการพัฒนาการตลาดที่ผ่านมาคือ STP

ในระยะเวลาต่อมา นักการตลาดก็สืบต่อไปว่าในเรื่องของ Target หรือเป้าหมายของสินค้าและบริการที่จะไปให้กับใครนั้นนี่ ก็แบ่งออกได้เป็น 4 อย่าง
·  ชนิดแรกก็คือ Mass Market คือการขายให้กับคนจำนวนมากๆ คือเป็นตลาดที่มีผู้ต้องการจำนวนมากๆ เช่นอาหารทั่วไป เป็นต้น
·  ชนิดที่สองก็คือบางส่วนของตลาดเช่น ผู้ที่มีอายุระหว่าง 50 - 60 ปี หรือผู้ที่มีอายุระหว่าง 3 - 6 ขวบ เป็นต้น
·  ชนิดที่สามก็คือ niche ก็คือการขายให้กับคนบางกลุ่ม เช่นเครื่องมือแพทย์ เราคงไม่สามารถขายเครื่องมือแพทย์ที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีซับซ้อนให้กับใครก็ได้ อย่างนี้เรียกว่า niche market หรือว่ากิจการบางอย่างเช่น ติดตั้งเครื่องมือวัด ก็เป็นกิจการที่ค่อนข้างเป็นวิศวกรรมและบริการก็จะมีตลาดเฉพาะของเขาเช่นกัน
·  ชนิดที่สี่ก็คือ individual customer ก็คือลูกค้าที่เป็นแต่ละราย เป็นรายย่อย
นี่ก็ถือเป็นวิวัฒนาการทางการตลาดอีกขั้นหนึ่ง

ในระยะเวลาหลังๆ มา การตลาดถูกคิดไปในแง่มุมกว้างขวางมากกว่าที่เป็นมาก นอกจากคิดว่า ธุรกิจนั้นมีลำพังเพียงสินค้าที่จับต้องได้ และบริการที่ลูกค้าจะได้รับในการทำการตลาดนั้นนี่ ในการที่เป็นสิ่งที่ได้จากธุรกิจ การตลาดถูกมองไปในแง่มุมกว้างขวางกว่านั้นอีก ก็คือ เรื่องของความคิด คือ ขายไอเดีย เป็นศัพท์ที่พูดกัน เป็นเรื่องของการค้นหาสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลซ่อนอยู่ หรือว่าเป็นเรื่องของคน เรื่องขององค์กร สารพัดที่จะถูกมองในมุมกว้างขึ้นๆ ทุกวัน ดังนั้นในโลกทุกวันนี้สำหรับนักธุรกิจที่ต้องการที่จะพัฒนาต่อไป สามารถแข่งขันได้ในตลาด มีวิสัยทัศน์ที่ดี ก็จำเป็นที่จะต้องติดตามมุมมองของการตลาด แล้วก็ที่สำคัญก็คือ สามารถสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ สามารถสร้างคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับจากการตอบสนองจากการจ่ายเงินค่าสินค้าและบริการนั้นกลับมา เพื่อที่จะให้ธุรกิจสามารถพัฒนาได้และเติบโตได้ในเวลาต่อไป

สงวนลิขสิทธิ์ จิตรยุทธ จุณณะภาต ©2010

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การบริหารการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า (customer Relationship Management (CRM)

         เป็นขั้นตอนการสร้างและการธำรงรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า โดยส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าคู่แข่งและความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยบริษัทสามารถทำกำไรได้ด้วย แนวความคิด CRM มุ่งที่จะธำรงรักษาลูกค้าเก่าเอาไว้ และในขณะเดียวกันก็จะจูงใจลูกค้าใหม่ด้วย

คุณค่าในช่วงชีวิตของลูกค้า (Customer lifetime value ) 
เป็นคุณค่าของเส้นทางการซื้อที่ลูกค้าซื้ออย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตการบริโภคของลูกค้า
หลักCRM 3 ประการ : การจูงใจ(Attracting)  การธำรงรักษา(Retaining) และการเพิ่มลูกค้า(Growing customers)
หลักทั้ง3ประการเป็นหลักในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า ซึ่งมีประเด็นที่ต้องพิจารณา ดังนี้
1.คุณค่าของลูกค้า(Customer Perceived Value (CPV) และความพึงพอใจของลูกค้า(Customer satisfaction) การจูงใจและการธำรงรักษาลูกค้าเป็นงานที่ยากลำบาก บริษัทจึงต้องหาวิธีที่จะส่งมอบคุณค่าแล้วความพึงพอใจของลูกค้าที่เหนือกว่าคู่แข่งขันให้ได้ดังนี้

1.1คุณค่าของลูกค้า(Customer value) ลูกค้าจะซื้อสินค้าจากบริษัทที่เสนอคุณค่าที่ลูกค้ารับรู้ได้สูงที่ที่สุด โดยจะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคุณค่ารวมในสายตาลูกค้ากับต้นทุนรวมของลูกค้า ดังสมการ

คุณค่าที่ส่งมอบแก่ลูกค้า = คุณค่ารวมในสายตาลูกค้า – ต้อนทุนรวมของลูกค้า

         1.2ความพึงพอใจของลูกค้า(Customer satisfaction) ขึ้นอยู่กับผลการทำงานของผลิตภัณฑ์หรืบริการที่ลูกค้ารับรู้เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาคาดหวัง

2. ความจงรักภัคดีและการธำรงรักษาลูกค้า (Customer loyalty and retention ) ลูกค้าที่พอใจจะให้ผลประโยชน์หลายประการสำหรับบริษัท ลูกค้าที่พอใจจะมีความไวต่อราคาน้อย มีความภักดีต่อบริษัท และจะบอกต่อเกี่ยวกับสิ่งที่ดีของบริษัทกับบุคคลอื่น แต่อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจและความภัคดีนั้นจะแตกต่างกันตามลักษณะของอุตสาหกรรมและสถานการณ์การแข่งขัน

3. การเพิ่มสัดส่วนมูลค่าการซื้อของลูกค้า ( Growing of share of customer ) สิ่งที่นักการตลาดต้องการมากกว่าที่จะรักษาลูกค้าก็คือ การเพิ่มสัดส่วนมูลค่าการซื้อของลูกค้า ซึ่งหมายถึง สัดส่วนการซื้อสินค้าหลายๆชนิดของลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้หลักการขายสินค้าข้ามชนิดผลิตภัณฑ์

4.การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าและคุณค่าตราสินค้า(Building customer relationships and customer equity) หลังการที่เราศึกษาความสำคัญของการแสวงหาลูกค้า การรักษาลูกค้า และการเพิ่มมูลค่าการซื้อของลูกค้า แต่หัวใจสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์อันดีนั้นควรมุ่งที่ระยะยาว
4.1 คุณค่าตราสินค้า (Customer equity) จุดมุ่งหมายของCRMคือการสร้างคุณค่าตราราคาหมายถึง คุณค่าในช่วงชีวิตของลูกค้า ทุกคนในบริษัทรวมกันยิ่งลูกค้ามีความภัคดีมากเท่าไหร่ คุณค่าตราราคาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
4.2 ระดับความสัมพันธ์กับลูกค้าและเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า(Customer relationships levels and tools ) การสร้างความสัมพันธ์กันดีกับลูกค้าสามารถทำได้หลายระดับ โดยเริ่มจากระดับต่ำสุดที่ใช้กับลูกค้าที่มีกำไรต่ำสุดไปจนถึงระดับสูงสุดดังนี้
1 การตลาดระดับพื้นฐาน(Basic marketing)
2 การตลาดที่ตอบสนองความคิดเห็นของลูกค้า(Reactive marketing)
3 การตลาดที่ติดตามความคิดเห็นของลูกค้า(Accountable marketing)
4 การตลาดที่คาดการณ์ความคิดเห็นของลูกค้าล่วงหน้า(Proactive marketing)
5 การตลาดที่ให้ลูกค้าเป็นหุ้นส่วน (Partnership marketing)

ความท้าทายของการตลาดในยุคสหัสวรรษเชื่อมต่อ (Marketing challenges in the new, ”Connected” millennium)
      ในยุคปัจจุบันนี้เป็นยุคสหัสวรรษเชื่อมต่อ เนื่องการมีการเปลี่ยนแปลงมาก ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นนักการตลาดจะต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวข้างต้น

  การพัฒนาการตลาดในสหัสวรรษใหม่เป็นแนวความคิดที่เรียกว่า เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ



เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (Technologies for connecting) 
     เป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นจากความก้าวหน้าของ 1 คอมพิวเตอร์ 2 ข้อมูลสารสนเทศ 3การติดต่อสื่อสาร 4การขนส่ง และเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออื่นๆโดยพยามที่จะสร้างวิธีการใหม่ในการเรียนรู้และจูงใจลูกค้าตลอดจนสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ เพื่อปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะรายสำหรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อจะพิจารณาบุคคล3กลุ่มที่สามารถเชื่อมต่อกับบริษัทได้ 

1.การเชื่อมต่อกับลูกค้า(Connecting with customers)
1.1การเชื่อมต่อกับลูกค้าที่ถูกเลือกมาอย่างเจาะจง(Connecting more selectively)
1.2การเชื่อมต่อในช่วงชีวิตของลูกค้า(Connecting for a customer’s lifetime)
1.3การเชื่อมต่อโดยตรง(Connecting directly)

2.การเชื่อมต่อกับหุ้นส่วนทางการตลาด(Connecting with marketing partners)
2.1การเชื่อมต่อกับแผนกอื่นภายในบริษัท (Connecting inside the company)
2.2การเชื่อมต่อกับหุ้นส่วนภายนอก (Connecting with outside partners)
2.3การเชื่อมต่อกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Connecting through strategic alliances)

3.การเชื่อมต่อกับโลกรอบตัวเรา (Connecting with world around us )
3.1การเชื่อมต่อระดับโลก (Global connections)
3.2การเชื่อมต่อด้วยการสร้างคุณค่าและความรับผิดชอบต่อสังคม (Connections with values and social responsibilities)
3.3การเชื่อมต่ออย่างกว้างขวาง (Connected world of marketing)

อิทธิพลสำคัญที่มีผลต่อการกำหนดยุคอินเทอร์เน็ต (Major forces shaping the internet age) 
     มีแรงผลักดันมากมายที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี กระแสโลกาภิวัตน์ การรักษาสภาพแวดล้อม ปัจจัยอื่นๆ

ดิจิตอล(Digital) เป็นลักษณะการเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์ที่สามารถเก็บได้เพียง2สถานะเช่น สถานะ เปิดหรือปิด บวกหรือลบ เป็นต้น
อนาล็อก(Analog) หมายถึงวิธีการเก็บข้อมูลโดยการวัดในลักษณะต่อเนื่อง ซึ่งจะแสดงค่าที่เปลี่ยนแปลงไปตามคุณสมบัติทางกายภาพที่เปลี่ยนไปของข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
อินเตอร์เน็ต(Interner) เป็นระบบเครือข่ายของคอมพิวเตอร์อีกเครือข่ายหนึ่ง ซึ่งติดต่อเชื่องโยงกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ และสามารถส่งข้อมูลข่าวสารกันได้อย่างกว้างขวาง

ในบทนี้จะกล่าวถึงปัจจัยหลัก4ประการที่มีผลต่อการกำหนดยุคอินเตอร์เน็ตหรือยุคดิจิตอล
1.ระบบดิจิตอลและระบบการเชื่อมต่อ ในอดีตเครื่องมือ อุปกรณ์และระบบต่างๆ จะปฏิบัติการด้วยระบบอนาล็อกแต่ในปัจจุบันสินค้าและอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะปฏิบัติการโดยใช้ระบบข้อมูลดิจิตอล โดยระบบดิจิตอลจะเปลี่ยนตัวอักษร ข้อมูล ภาพ และเสียงเป็นตัวเลข0และ1หรือเรียนกว่าbitsและส่งผ่านข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอุปกรณ์หนึ่ง

2.การแพร่หลายของอินเตอร์เน็ต การเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดของอินเตอร์เน็ตนับเป็นหัวใจของเศรษฐกิจระบบใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึงในด้านการมอบอำนาจให้แก่ผู้บริโภคและธุรกิจ อินเตอร์เน็ตช่วยให้ผู้บริโภคและบริษัทสามารถเข้าถึงกันและกันได้ มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลอย่างมากมายมหาศาลเพียงการใช้เมาส์คลิกเท่านั้น

3.รูปแบบใหม่ของคนกลาง การเกิดขึ้นของคนกลาง ทำให้บริษัทต้องตรวจสอบถึงวิธีการให้บริการทางการตลาดอีกครั้ง ซึ่งธุรกิจเดิมที่เน้นกานขายโดยใช้อาคารสำนักงานเป็นช่องทางในการจัดจำหน่ายเพียงอย่างเดียว ต้องปรับกลยุทธ์โดยเพิ่มช่องทางการจักจำหน่ายออนไลน์ในขณะเดียวกันธุรกิจที่ใช้ช้องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียวก็ต้องปรับกลยุทธ์โดยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายแบบให้สำนักงานด้วยเช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วบริษัทในลักษณะนี้จะสามารถทำกำไรได้ดีกว่า

4.การมุ่งความสำคัญที่ลูกค้าและการมุ่งที่ต้องต้องการของลูกค้าเฉพาะราย ในปัจจุบันระบบเศรษฐกิจแบบใหม่จะให้ความสำคัญกับธุรกิจสารสนเทศมากขึ้น เนื่องจากสารสนเทศมีข้อได้เปรียบดังนี้ 

1.สามารถสร้างความแตกต่างได้ง่าย
2.สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
3.เน้นความสำคัญส่วนบุคคล 
4.มีการจัดส่งที่รวดเร็ว

4.1การมุ่งความสำคัญที่ลูกค้า เป็นความคิดริเริ่มที่จะปรับปรุงผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า หรือเป็นวิธีการที่บริษัทสามารถผลิตสินค้าที่มีลักษณะแตกต่างกันเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน

4.2การมุ่งที่ความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย  หมายถึงการที่บริษัทเปิดโอกาสให้ลูกค้าออกแบบหรือมีส่วนร่วงในการออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับลูกคาแต่ละรายโดยเฉพาะ ในกรณีนี้บริษัทจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกเพื่อเปลี่ยนลูกค้าที่เป็นเพียงผู้บริโภคมาเป็นผู้บริโภคที่ออกแบบผลิตภัณฑ์

กลยุทธ์การตลาดในยุคดิจิตอล
ในการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิตอลหรือยุคอินเตอร์เน็ตปัจจุบันนี้ นักการตลาดได้นำเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ หลากหลายเข้ามาใช้เพื่อให้กลยุทธ์การตลาดมีความแข่งแกร่ง และสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้มากขึ้น โดยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ประกอบด้วย
1.ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ จะเกี่ยวข้องกันการดำเนินธุรกิจหรือทำธุรกรรมต่างๆทั้งที่มุ่งหวังกำไรและไม่มุ่งหวังกำไร ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยงข้องกับการพาณิชย์หรือการค้าระหว่างองค์กรธุรกิจด้วยกันเอง โดยอาศัยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย 
1.1อินทราเน็ต เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงระหว่างบุคคลภายในองค์กรกับระบบเครือข่ายของบริษัทประกอบด้วย เครือข่าย อีเมล์ และเว็บไซต์ ซึ่งใช้ภายในองค์กรใดองค์กรหนึ่ง
1.2เอ็กซ์ทราเน็ต เป็นเครือข่ายเชื่องโยงบริษัทใดบริษัทหนึ่งบริษัทหนึ่งกับผู้ขายปัจจัยการผลิต ตัวแทนการจำหน่าย และผู้ร่วมค้าภายนอกองค์กร ซึ่งการเข้าใช้จะต้องมีรหัสผ่านสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
1.3อินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายสาธารณะขนาดใหญ่ที่เชื่องระหว่างผู้ใช้ทั้งโลก ประกอบด้วยกิจกรรม คืออีเมล์และเว็บไซต์ ซึ่งสามารถเปิดเผยข้อมูลได้ทั้งโลก 

2.การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์  จะมีลักษณะที่เฉพาะเจาะจงมากกว่าธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะมีการจัดเตรียมข้องมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์ของบริษัท ประกอบด้วย ประวัติของบริษัท นโยบาย ผลิตภัณฑ์ และตำแหน่งว่างาน เป็นต้น บริษัทจะสามารถโน้นน้าวลูกค้าโดยการแจ้งข่าวสารและจองใจเพื่อขายผลิตภัณฑ์และบริการผ่านธุรกิจออนไลน์
    การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในด้านการตลาดและการจักซื้อ ซึ่งเรียกว่า การตลาดอิเล็กทรอนิกส์และการจักซื้ออิเล็กทรอนิกส์ 
2.1การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ มุ่งเน้นกิจกรรมทางการตลาด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ความสารถของบริษัทในการสื่อสารและเสนอขายผลิตภัณฑ์หรือบริการทางอินเทอร์เน็ต
2.2การจัดซื้ออิเล็กทรอนิกส์  จะเกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้า บริการ และข้อมูล จากผู้ขายปัจจัยผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวนมาก




ประโยชน์ของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และอินเตอร์เน็ต
                1.ประโยชน์สำหรับผู้ซื้อ ประโยชน์จากการซื้อผ่านอินเตอร์เน็ตเกิดขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่เป็นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายและผู้ซื้อที่เป็นธุรกิจ มีดังนี้
                      1.1 ความสะดวก ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางเพื่อสำรวจหาสินค้าหรือร้านค้า
                      1.2 สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และมีโอกาสเลือกสินค้าได้มากขึ้น
                      1.3 สามารถโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ และ เกิดการซื้อขายในทันที
                      1.4 ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกที่ดีในการควบคุมสถาณการณ์และมีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้น
                2. ประโยชน์สำหรับผู้ขาย การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีประโยชน์ต่อผู้ขาย ดังนี้
                      2.1 ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อลูกค้า เนื่องจากเป็นการโต้ตอบกันระหว่างลูกค้าแต่ละรายกับผู้ขาย
                      2.2 บริษัทสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับความจำเป็นและความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้าเนื่องจากลูกค้าสามารถถามคำถามและให้ป้อนข้อมูลกลับได้ ทำให้บริษัทสามารถสร้างคุณค่าและความพึงพอใจให้กับลูกค้าโดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ดีขึ้น
                      2.3 ช่วยลดต้นทุก รวมทั้งเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพ โดยสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาร้านค้าและต้นทุนที่เกี่ยวข้อง
                      2.4 สามารถเชื่องโยงกับผู้ขายปัจจัยการผลิต โรงงาน ผู้จัดจำหน่าย ลูกค้า และธุรกิจได้โดยตรง
                      2.5 การตลาดอิเล็กทรอนิกส์มีความยืดหยุ่นอย่างมาก กล่าวคือ นักการตลาดสามารถปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ โปรแกรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง
                     2.6 อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อกลางระดับโลก ที่ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายใช้เวลาเพียง 1 วินาทีก็สามารถติดต่อกันได้ทั่วโลก


เครือข่ายการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
                สามารถแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ

มีเป้าหมายที่ผู้บริโภค
มีเป้าหมายที่หน่วยธุรกิจ
เริ่มโดยหน่วยธุรกิจ
B2C ธุรกิจกับผู้บริโภค
B2B กับธุรกิจ
เริ่มโดยผู้บริโภค
C2C ผู้บริโภคกับผู้บริโภค
C2B ผู้บริโภคกับธุรกิจ

                1. การทำธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค B2C
                เป็นลักษณะของการขายสินค้าและบริการออนไลน์จากผู้ขายหรือผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคคนสุดท้ายกล่าวคือ ผู้ซื้อและผู้ขายจะติดต่อกันโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางหรือตัวแทนจำหน่าย
             2. การทำธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ B2B
            เป็นลักษณะของการค้าส่งหรือการค้าในรูปของตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจะกระทำระหว่างเจ้าของสินค้าที่เป็นผู้ผลิตกับตัวแทนจำหน่ายสินค้าหรือระหว่างองค์กรกับองค์กร โดยมีปริมาณการซื้อขายกันคราวละมากๆ เพื่อนำไปจำหน่ายต่อยังผู้ค้าปลีกอีกทอดหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายทางการค้า ปัจจุบันการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประมาณ 80%  เป็นลักษณะการดำเนินธุรกิจแบบ B2B
            3. การทำธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค C2C
                เป็นเครือข่ายออนไลน์ของสินค้าและข้อมูลสารสนเทศระหว่างผู้บริโภคกับผู้โภค ซึ่งมีลักษณะของการขายสินค้ารายย่อย หรือการค้าปลีกระหว่างบุคคลทั่วไปที่เปิดขายตามเว็ปไซต์ต่างๆ บนอินเตอร์เน็ต
                4. การทำธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้บริโภคกับธุรกิจ C2B
            เป็นการแลกเปลี่ยนออนไลน์ ซึ่งผู้บริโภคค้นหาผู้ขาย เรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และการซื้อสินค้าผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจากผู้บริโภคไปยังธุรกิจ


การปฏิบัติการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
            รูปแบบของการตลาดอิเล็กทรอนิกส์มีดังนี้
            1. นักการตลาดที่ใช้อาคารสำนักงานเพียงอย่างเดียว หมายถึง นักการตลาดที่ทำธุรกิจโดยใช้อาคารสำนักงานเป็นหลัก โดยลูกค้ามีการติดต่อซื้อขายกับบริษัทผ่านอาคารพาณิชย์เท่านั้น เป็นวิธีแบบดั้งเดิม
              2. นักการตลาดที่ใช้ระบบเชื่อมต่อเพียงอย่างเดียว หรือ บริษัทดอทคอม เป็นธุรกิจที่ดำเนินงานเฉพาะเครือข่ายออนไลน์เพียงอย่างเดียว โดยไม่ใช้อาคารหรือสำนักงานเลย แต่ใช้ เว็ปไซต์แทน
                บริษัทที่ใช้ระบบออนไลน์อาจะประสบความล้มเหลวได้ มีสาเหตุมาจาก
·       การรีบเข้าสู่ตลาดโดยขาดการวิจัยหรือการวางแผนที่เหมาะสม
·       เน้นการเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่หรือลูกค้าใหม่ โดยไม่สนใจการสร้างความภักดีต่อลูกค้าเดิมที่มีอยู่
·       การออกแบบเว็ปไซต์ที่ซับซ้อนทำให้ยากที่จะเข้าไปใช้บริการ
·       การออกแบบระบบจัดจำหน่ายยังไม่ดีพอ
·       คู่แข่งขันสามารถเข้าไปในเว็ปไซต์เพื่อตรวจสอบข้อมูลสินค้า และนำไปแก้ไขได้ง่าย ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการเปลี่ยนไปเข้าเว็ปไซต์ที่มีข้อเสนอทางด้านราคาที่ดีกว่า
            3. บริษัทที่ใช้ทั้งระบบเชื่อมต่อและอาคารสำนักงาน  สาเหตุที่ทำให้บริษัทใช้ทั้ง 2 ระบบนั้นมีข้อได้เปรียบมากกว่า เนื่องจาก บริษัทมีตราสินค้าที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง ใช้ต้นทุนในการแสวงหาลูกค้าใหม่น้อย มีทรัพยากรทางการเงินมาก มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ สามารถให้บริการลูกค้าที่อยู่ห่างไกลร้านค้าได้
แหล่งรายได้ของธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1)            รายได้จากการโฆษณา
2)            รายได้จากการเป็นผู้อุปถัมภ์
3)            รายได้จากการเป็นเครือข่าย
4)            รายได้จากการเป็นสมาชิกและลงทะเบียน
5)            รายได้จากการเก็บประวัติส่วนตัว
6)            รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์และบริการ
7)            ค่านายหน้าและค่าธรรมเนียมจากการซื้อขาย
8)            การวิจัย/ข้อมูลเกี่ยวกับตลาด
9)            รายได้จากการอ้างอิง


การจัดตั้งตลาดอิเล็กทรอนิกส์สามาถทำการตลาดโดยใช้ E-marketing ได้ 4 วิธี
·       เว็ปไซต์หรือเว็ปการตลาด
·       การโฆษณาและส่งเสริมการตลาดออนไลน์
·       เครือข่ายเว็ป
·       อีเมล์และการเผยแพร่เว็ป
                1. การสร้างเว็ปไซต์ เป็นขั้นตอนแรกของการดำเนินการสำหรับการตลาดอิเล็กทรอนิกส์ นักการตลาดจะต้องออกแบบเว็ปไซต์ให้สามารถจูงใจและหาวิธีการที่จะทำให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชม ติดตามและเข้ามาใช้เว็ปไซต์เป็นประจำ
                2. การโฆษณาและการส่งเสริมการตลาดออนไลน์ สามารถใช้โฆษณาออนไลน์เพื่อสร้างตราสินค้าหรือดึงดูดความสนใจให้เข้ามาเยี่ยมชมเว็ปไซต์ ซึ่งมีรูปแบบดังนี้
                      2.1 แถบโฆษณาออนไลน์ เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้มากที่สุดในการโฆษณาทางอินเตอร์เน็ต
 ยิ่งมีผู้เข้าชมเว็ปไซต์นั้นมากเท่าใดบริษัทก็จะต้องจ่ายค่าพื้นที่มากเท่านั้น
                     2.2 การเป็นผู้อุปถัมภ์เนื้อหา เป็นรูปแบบหนึ่งของการส่งเสริมการตลาดทางอินเตอร์เน็ต บริษัทหลายแห่งเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการเป็นผู้อุปถัมภ์เว็ปไซต์ ภายในเว็ปไซต์นั้นจะปรากฎชื่อของบริษัทนั้นด้วย
                     2.3 Microsites เป็นพื้นที่จำกัดที่ถูกควบคุมในเว็ปไซต์ และจะได้รับเงินค่าบริการจากผู้โฆษณาหรือบริษัทภายนอกที่เข้ามาใช้บริการ
                     2.4 การตลาดบอกต่อ เป็นรูปแบบของการตลาดบอกต่อทางอินเตอร์เน็ตซึ่งเกี่ยวข้องกับการส่งอีเมล์หรือเหตุการณ์สำคัญทางการตลาดไปยังเพื่อน หรือคนรู้จัก
                การโฆษณาออนไลน์ในอนาคต ถึงแม้ว่าการโฆษณาออนไลน์จะช่วยในการส่งเสริมการตลาดและใช้ต้นทุนต่ำ แต่ก็ไม่สามารถแข่งขันกับการโฆษณาทางโทรทัศน์หรือสิ่งพิมพ์ได้เนื่องจากผู้ท่องเว็ปปฏิเสธการโฆษณาเหล่านั้นได้ง่ายมาก
                3. การสร้างหรือการมีส่วนร่วมกับชุมชนเว็ป เป็นเครือข่ายที่ให้สมาชิกใช้ระบบออนไลน์ในการโต้ตอบแลกเปลี่ยนทัศนะในเรื่องที่มีความสนใจร่วมกัน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบจากการใช้ C2C ในอินเตอร์เน็ต
                4. การใช้อีเมล์และการเผยแพร่ทางเว็ป อีเมล์เป็นเครื่องมือการตลาดอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ
                ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์ เป็นการสื่อสารหรือการส่งข้อความโน้ตหรือบันทึกจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งผ่านไปเข้าเครื่องปลายทาง หรือเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งโดยผ่านระบบเครือข่าย ผู้รับสามารถเปิดคอมพิวเตอร์แล้วนำข่าวสารนั้นออกมาเมื่อใดก็ได้
                การเผยแพร่ทางเว็ป เป็นรูปแบบการให้บริการชนิดหนึ่งแก่ลูกค้า โดยจะมีการดาวน์โหลดข้อมูลที่เลือกสรรแล้วว่าตรงกับความต้องการของลูกค้าหรือผู้รับ โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งมาที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้รับ


คำมั่นสัญญาและความท้าทายของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์         
     ในอนาคตอินเทอร์เน็ตและการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อาจเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่จะเข้ามาแทนที่นิตยสาร หนังสือพิมพ์แม้แต่ร้านค้า ซึ่งเคยเป็นแหล่งของข้อมูลและสถานที่ในการซื้อสินค้า แต่อย่างไรก็ตามความนิยมเรื่องดอทคอมในปัจจุบันได้ลดลง ซึ่งอาจเป็นเพราะถึงเวลาสำหรับการปฏิวัติทางอินเตอร์เน็ต ในยุคแรกธุรกิจดอทคอมเป็นธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและใช้เงินทุนเพียงเล็กน้อย ในยุคที่สองนี้เป็นกิจกรรมของบริษัทขนาดใหญ่เพื่อย้ายโรงงานคลังสินค้า และลูกค้าเข้ามาในเว็ปไซต์
                ข้อเสียของเว็ป ถึงแม้จะมีข้อดีมากมายหลายประการแต่อินเทอร์เน็ตก็มีข้อบกพร่องเช่นกันคือ ความสามารถในการทำกำไรของอินเตอร์เน็ต ทัศนะด้านกฎหมายและจริยธรรม ดังนี้
                1. ความสามารถในการทำกำไรของอินเทอร์เน็ต สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ คือ ความสามารถในการทำกำไร แต่ในธุรกิจดอทคอมประเภท B2C เป็นที่น่าประหลาดใจมากเมื่อพบว่าจากบริษัททั้งหมด 450 แห่ง มีเพียง 11% เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในธุรกิจและสามารถทำกำไรได้ ส่วนอีก 25% คือ บริษัทที่สามารถคงอยู่ในธุรกิจ แต่ไม่สามารถทำกำไรได้ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก
                                1.1 อินเทอร์เน็ตเป็นที่รู้จักในกลุ่มลุกค้าที่จำกัด ซึ่งผู้ที่รับข้อมูลทางเว็ปไซต์จะเป็นผู้มีรสนิยมและมีการศึกษาสูงกว่าประชาชนทั่วไป ทำให้ธุรกิจที่เหมาะกับการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นธุรกิจในด้านบริการด้านการเงิน การท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะอย่างเท่านั้น ดังนั้นการตลาดออนไลน์นั้นจะมีประสิทธิผลน้อยในการขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้สม่ำเสมอ
                                1.2 อินเทอร์เน็ตประกอบด้วยเว็ปไซต์จำนวนมหาศาล ดังนั้นการค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตจึงอาจทำให้ผู้บริโภคเกิดความหงุดหงิด สับสน และสิ้นเปลืองเวลามาก 
                2. ทัศนะด้านกฎหมายและจริยธรรม การตลาดทางอินเตอร์เน็ตนั้นทำให้เกิดประเด็นคำถามด้านจริยธรรมและกฎหมาย โดยมุ่งประเด็นต่างๆดังนี้
                                2.1 ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของระบบออนไลน์ โดยส่วนใหญ่แล้วนักการตลาดออนไลน์จะมีความเชี่ยวชาญในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าได้อย่างละเอียดและสามารถหาข้อมูลของผู้เยี่ยมชมเว็ปไซต์ได้ง่ายเช่นกัน โดยจะได้มาจากผู้เยี่ยมชมเว็ปไซต์ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมของเว็ปไซต์ ซึ่งมักจะต้องให้ข้อมูลส่วนตัวอย่างละเอียด ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวอาจเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ในทางไม่เหมาะสม
                ส่วนในด้านความปลอดภัยของการให้ข้อมูลออนไลน์ ผู้บริโภคกลัวว่าจะมีบุคคลอื่นแอบอ้างนำหมายเลขบัตรเครดิตไปใช้ แม้แต่บริษัทที่ทำธุรกิจทางออนไลน์ยังกลัวว่าบุคคลอื่นจะบุกรุกเข้าไปในระบบข้อมูลเพื่อทำสิ่งผิดกฎหมายหรือขโมยข้อมูลที่เป็นความลับออกไป
                                2.2 การปลอมแปลงทางอินเทอร์เน็ต ในปีที่ผ่านมา Internet Fraud Complaint Center ได้รับการร้องเรียนจากลุกค้าถึง 50,000 ราย เกี่ยวกับการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดการสูญเสียต่อผู้บริโภค
                                2.3 ปัญหาในด้านการแบ่งส่วนตลาดและการแบ่งแยกความแตกต่างของอินเทอร์เน็ต เนื่องจากอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคนที่สามารถหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตกับคนที่ไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ต กล่าวคือ คนที่ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นจะไม่สามารถเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลได้ทำให้เสียประโยชน์ด้านข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ
                                2.4 การใช้อินเทอร์เน็ตของกลุ่มที่ไม่ได้รับอนุญาต ตัวอย่างเช่นการทำตลาดกับกลุ่มผู้ใหญ่ นักการตลาดพบว่าเป็นการยากที่จะกีดกันไม่ให้ลูกค้าที่มีอายุน้อยกว่าเข้ามาทำธุรกรรมในอินเทอร์เน็ตแม้ว่าในการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะมีความท้าทายและมีข้อเสียอยู่มาก แต่บริษัททั้งขนาดใหญาและขนาดเล็กต่างนำการตลาดทางออนไลน์มาผสมผสานกับกลยุทธ์การตลาดและส่วนประสมการตลาด เนื่องจากการตลาดออนไลน์จะยังคงเติบโตต่อไปได้ ดังนั้นการตลาดออนไลน์จึงยังคงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การปรับปรุงยอดขาย และการสื่อสารข้อมูลของบริษัทและผลิตภัณฑ์ รวมถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล


 Link สำหรับดาวน์โหลดไฟล์ Power Point
http://www.mediafire.com/?9bk14fhhk4dhyhm